วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554
จริงหรือไม่ว่า วง"มาลีฮวนน่า"วงแตก
ไม่เคยมีคอเพลงเพื่อชีวิตคนใต้ คนใดคาดคิดว่าจุดแตกหักและความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง โดยมีผลประโยชน์เรื่องเงินๆ ทองๆ เป็นเงื่อนไขสำคัญจะเกิดขึ้นกับวงดนตรีเพื่อชีวิตวงดังที่อยู่ในหัวใจของคน ภาคใต้ หรือคนภาคอื่นๆ ทั้งประเทศ อย่าง "วงมาลีฮวนน่า"
วันนี้ชัดเจนแล้วว่า 2 แกนนำหลักคนสำคัญของวงมาลีฮวนน่า คือ "นายไข่" คฑาวุธ ทองไทย นักร้องนำของวงมาลีฮวนน่า ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับ "นายธง"ธงชัย รักษ์รงค์ จนถึงขั้นกล่าวได้ว่า "วงแตก !" และอยากยิ่งนักที่จะรวมตัวหรือขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันได้อีก
"ตอนนี้ต่างคนต่างไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันอย่างรุนแรง ครั้งล่าสุดต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงถึงขั้นกล่าวหากันว่ามีการว่าจ้างมือปืน จากภาคใต้ และจากจังหวัดชลบุรีมายิงกัน" นี่คำบอกเล่าถึงสถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 แกนนำมาลีฮวนน่าในวันนี้จากปากของคนใกล้ชิด "มาลีฮวนน่า" 1 ในสมาชิกบริษัท ดรีม เรกคอร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่แกนนำทั้ง 2 คนของ "มาลีฮวนน่า" ก่อตั้งกันขึ้นมาเมื่อปี 2543
ส่วนสาเหตุสำคัญที่เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกันระหว่าง แกนนำ "วงมาลีฮวนน่า"ทั้ง 2 คน จนถึงขั้น "วงแตก !" ในวันนี้ คนใกล้ชิดวงมาลีฮวนน่าบอกว่า
"ก็คือความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ที่ได้จากการขายผลงานเพลงทั้งเทป วีซีดี.คาราโอเกะ ในชุด "เพื่อนเพ" และการแสดงสดชุด "ระบำสยาม" ซึ่งแสดงที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปลายปี 2544 ที่ผ่านมา เพราะจนถึงขณะนี้ผลงานทั้ง 2 ชิ้นนี้ ยังขายดิบขายดี เชื่อกันว่าทำเงินให้มาลีฮวนน่าในนามบริษัทดรีม เรกคอร์ด ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ล้าน" คนใกล้ชิด "วงมาลีฮวนน่า"
ถึงวันนี้สิ่งหนึ่งที่สังเกตุและบอกได้อย่างชัดว่า "วงมาลีฮวนน่า" แตกแล้ว ! นั่นก็คือการแสดงคอนเสริตทุกครั้งต่อไปนี้ จะไม่ใช้ชื่อในนามวงมาลีฮวนน่าอีกแล้ว แต่จะใช่เพียงในนามของ "ไข่ - มาลีฮวนน่า" หรือ "ธง-มาลีฮวนน่า" เท่านั้นเอง
คนใกล้ชิด "วงมาลีฮวนน่า"กล่าวอย่างเสียดายด้วยว่า "ความจริงแล้ววันนี้เทปชุดใหม่ ซึ่งเป็นชุดที่ 6 ของ "วงมาลีฮวนน่า" นั้นเสร็จแล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งจนถึงขั้น "วงแตก !" แล้ว เทปชุดนี้จะออกมาได้อย่างไร และที่สำคัญมีหลายๆ เพลงคุณภาพ ที่ทั้ง "นายไข่" คฑาวุธ ทองไทย และ "นายธง"ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องคู่กัน" อาทิ เช่น เพลง "ปาร์ตี้มาลีฮวนน่า"
"เทปชุด 6 นี้คงจะเป็นชุดสุดท้ายในนาม "วงมาลีฮวนน่า" และน่าจะเป็นชุดประวัติศาสตร์ เพราะออกมาท่ามกลางความขัดแย้งและความแตกแยกของสมาชิกใน "วงมาลีฮวนน่า" คนใกล้ชิด "มาลีฮวนน่า"กล่าวทิ้งท้าย
"วงมาลีฮวนน่า" เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2534 โดยกลุ่มนักศึกษาศิลปะที่รวมตัวกันโดย คฑาวุธ ทองไทย ซึ่งช่วงนั้นกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร,และ ธงชัย รักษ์รงค์ ซึ่งเล่นดนตรีอยู่ตามผับทางภาคใต้,สมพงษ์ ศิวิโรจน์เรียนอยู่ไทยวิจิตรศิลป
"มาลีฮวนน่า"เป็นคำกลายมาจากภาษาอังกฤษ (Marijuana) แปลว่า กัญชา ชื่อของวงเกิดจากช่วงนั้น "สมพงษ์ ศิวิโรจน์"กำลังคลั่งไคล้เร็กเก้เลยตั้งชื่อวงว่ามาลีฮวนน่า ซึ่งเป็นคำที่บัญญัติขึ้นใหม่จากรากเดิม (ภาษาอังกฤษ ) ซึ่งอาจหมายถึงดอกกัญชา ดอกไม้แห่งดนตรี ไม้แห่งสันติภาพ แล้วแต่ใครจะรู้สึก
ในช่วงปี 2534 ทุกคนตั้งใจจะทำวงขึ้นมาแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะ สมพงษ์ ศิวิโรจน์ เกิดท้อถอยกับปัญหาสังคม ทุกคนจึงจำต้องแยกย้ายกันไประยะหนึ่ง
ในปี 2537 "วงด้ามขวาน" โดยอาจารย์ยงยุทธ คำศรี ได้ออกอัลบั้มเพลงใต้ดินแล้วได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงมากมาย "วงด้ามขวาน" ได้จุดประกายให้กลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มนี้มีกำลังใจที่จะทำวงขึ้นมาอีกครั้ง
และในปี 2537 นี้เอง "วงมาลีฮวนน่า" ได้เกิดขึ้นสมบูรณ์แบบ อัลบั้มแรกของ "มาลีฮวนน่า"ใช้ชื่อว่า บุปผาชน โดย คฑาวุธ ทองไทย รับหน้าที่ร้องนำ, ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องนำ/ กีต้าร์, สมพงศ์ ศิวิโรจน์ รับหน้าที่แต่งเพลงและเชิดชัย ศิริโภคา ได้เข้ามาร่วมอีกหนึ่งคนในการช่วยเหลือเรื่องการเงินสำหรับการทำเทป แนวเพลงชุดแรกของมาลีฮวนน่ากลิ่นออกไปทางโฟล์คซองและอะคูสติค
เนื้อหาของเพลงจะบอกถึงแนวความคิดที่เป็นตัวของตัวเองและสะท้อนสังคมใกล้ตัว ได้อย่างเด่นชัดด้วยเอกลักษณ์ทางดนตรีที่ใช้ภาษาท้องถิ่นภาคใต้ เรื่องราวของความรัก การต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง โดยออกวางขายแบบใต้ดิน ฝากขายตามแผงเทปต่าง ๆ เช่นร้านน้องท่าพระจันทร์ ภายในเวลาไม่นานมาลีฮวนน่าก็สามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทั่ว ประเทศด้วยเพลง หัวใจพรือโฉ้,ลมเพ ลมพัด,เรือรักกระดาษ, ในปี 2537 มาลีฮวนน่าสามารถขายเทปได้ 20,000 ม้วน เป็นประวัติการณ์ของวงแนวอินดี้
ในปี 2538 "มาโนช พุฒตาล เจ้าของค่ายไมล์สโตน" เกิดความสนใจจึงชักชวนให้ "มาลีฮวนน่า"เข้ามาร่วมงานกับค่ายไมล์สโตน มาลีฮวนน่าเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศในปี 2539 ชื่อของมาลีฮวนน่าได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงมากมายจนติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของวงการเพลงเพื่อชีวิต
ในปี 2540 มาลีฮวนน่าออกอัลบั้มชุดที่ 2 ชุดคนเช็ดเงา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงด้วยดีจากเพลงโมรา,ชะตากรรม และในปี 2542 ตามมาด้วยอัลบั้มกลับกลาย เป็นอัลบั้มที่แฝงไปด้วยบทกวีมีสาระที่ปลุกปลอบประโลมให้กำลังใจ
ปี 2543 มาลีฮวนน่าได้เริ่มผลิตผลงานในนาม บริษัท ดรีม เรคคอร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของตัวเองโดยมี 2 หัวเรือใหญ่ คฑาวุธ ทองไทย ,ธงชัย รักษ์รงค์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ และอัลบั้มเพื่อนเพก็ได้เกิดขึ้นจากการที่ "มาลีฮวนน่า" ได้เดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศแล้วได้พูดคุยกับเพื่อนพ้องกลุ่ม ศิลปิน นักประพันธ์ต่าง ๆ ที่เขียนงานเพลงขึ้นมาแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้เผยแพร่ต่อที่สาธารณะชน มาลีฮวนน่าในฐานะที่มีโอกาสได้แสดงผลงานจึงมอบโอกาสนี้ให้กับเพื่อน ๆ ด้วยการรวบรวมบทเพลงเหล่านี้มาใส่ใน อัลบั้ม เพื่อนเพ
แต่ใครจะคาดคิดว่า "บริษัท ดรีม เรคคอร์ด" กำลังเป็นเพียงบริษัทเพลงในฝันของ "วงมาลีฮวนน่า"ในปัจจุบัน และผลงานเพลงชุด "เพื่อนเพ" จะเป็นผลงานเพลงชุดสุดท้ายของ "มาลีฮวนน่า" และผลงานเพลงในชุดนี้ก็เป็น 1 ในผลประโยชน์ ที่ทำให้ "เพื่อนพ้อง" ต้องขัดแย้งกันอย่างรุนแรงถึงขั้นเลิกคบกัน และ "มาลีฮวนน่า" ก็พบจุดจบไม่ต่างกับวงดนตรีวงอื่นๆ อีกหลายๆ วง นั่นก็คือ "วงแตก !"
สถานการณ์"วงแตก !" ของ "มาลีฮวนน่า"ในวันนี้ คงจะจบไปพร้อมๆ กับความฝันและความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อสังคม โดยหันไปสนใจให้ความสำคัญกับภาคเกษตรตามแนวพระราชดำริของในหลวง โดยจะพยายามสร้างงานภาคเกษตรของคนไทยให้ไปสู่สากล ผลักดันภาคเกษตรของคนไทยให้ไปให้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เน้นผู้คนให้รักที่มาและ รากเหง้าของตนเอง ขุดลึกไปถึงแก่นแท้ของความเป็นไทย มีความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของคนไทยด้วยกัน ซึ่งทั้งคฑาวุธ ทองไทย และ ธงชัย รักษ์รงค์ พยายามสร้างฝันนี้มาตลอด
นอกจากนั้น สถานการณ์"วงแตก !" ของ "มาลีฮวนน่า"ในวันนี้ คงจะทำให้ความฝันที่ "มาลีฮวนน่า" จะจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน ซึ่งจะใช้ชื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า yan in phangan (ยันต์ อิน พะงัน) จบลงไปด้วย ?
เพราะหนึ่งในเพลงโปรโมท ในคอนเสริต "ปาร์ตี้เกาะพงัน" ก็คือเพลง "ปาร์ตี้มาลีฮวนน่า" ซึ่งเป็นเพลงที่ร้องคู่กันระหว่าง คฑาวุธ ทองไทย และ ธงชัย รักษ์รงค์
เพราะสถานการณ์ในวันนี้ หรืออนาคต ดูท่าทีแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ที่ทั้ง 2 คนนี้ จะขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันได้อีก และเป็นไปไม่ได้เลยที่ "มาลีฮวนน่า"จะหนีจากคำว่า "วงแตก!" ไปได้
ที่มา - ข่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นภาคใต้ สมิหลาไทมส์
(www.samilatimes.com)
ไม่เคยมีคอเพลงเพื่อชีวิตคนใต้ คนใดคาดคิดว่าจุดแตกหักและความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง โดยมีผลประโยชน์เรื่องเงินๆ ทองๆ เป็นเงื่อนไขสำคัญจะเกิดขึ้นกับวงดนตรีเพื่อชีวิตวงดังที่อยู่ในหัวใจของคน ภาคใต้ หรือคนภาคอื่นๆ ทั้งประเทศ อย่าง "วงมาลีฮวนน่า"
วันนี้ชัดเจนแล้วว่า 2 แกนนำหลักคนสำคัญของวงมาลีฮวนน่า คือ "นายไข่" คฑาวุธ ทองไทย นักร้องนำของวงมาลีฮวนน่า ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับ "นายธง"ธงชัย รักษ์รงค์ จนถึงขั้นกล่าวได้ว่า "วงแตก !" และอยากยิ่งนักที่จะรวมตัวหรือขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันได้อีก
"ตอนนี้ต่างคนต่างไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันอย่างรุนแรง ครั้งล่าสุดต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงถึงขั้นกล่าวหากันว่ามีการว่าจ้างมือปืน จากภาคใต้ และจากจังหวัดชลบุรีมายิงกัน" นี่คำบอกเล่าถึงสถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 แกนนำมาลีฮวนน่าในวันนี้จากปากของคนใกล้ชิด "มาลีฮวนน่า" 1 ในสมาชิกบริษัท ดรีม เรกคอร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่แกนนำทั้ง 2 คนของ "มาลีฮวนน่า" ก่อตั้งกันขึ้นมาเมื่อปี 2543
ส่วนสาเหตุสำคัญที่เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกันระหว่าง แกนนำ "วงมาลีฮวนน่า"ทั้ง 2 คน จนถึงขั้น "วงแตก !" ในวันนี้ คนใกล้ชิดวงมาลีฮวนน่าบอกว่า
"ก็คือความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ที่ได้จากการขายผลงานเพลงทั้งเทป วีซีดี.คาราโอเกะ ในชุด "เพื่อนเพ" และการแสดงสดชุด "ระบำสยาม" ซึ่งแสดงที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปลายปี 2544 ที่ผ่านมา เพราะจนถึงขณะนี้ผลงานทั้ง 2 ชิ้นนี้ ยังขายดิบขายดี เชื่อกันว่าทำเงินให้มาลีฮวนน่าในนามบริษัทดรีม เรกคอร์ด ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ล้าน" คนใกล้ชิด "วงมาลีฮวนน่า"
ถึงวันนี้สิ่งหนึ่งที่สังเกตุและบอกได้อย่างชัดว่า "วงมาลีฮวนน่า" แตกแล้ว ! นั่นก็คือการแสดงคอนเสริตทุกครั้งต่อไปนี้ จะไม่ใช้ชื่อในนามวงมาลีฮวนน่าอีกแล้ว แต่จะใช่เพียงในนามของ "ไข่ - มาลีฮวนน่า" หรือ "ธง-มาลีฮวนน่า" เท่านั้นเอง
คนใกล้ชิด "วงมาลีฮวนน่า"กล่าวอย่างเสียดายด้วยว่า "ความจริงแล้ววันนี้เทปชุดใหม่ ซึ่งเป็นชุดที่ 6 ของ "วงมาลีฮวนน่า" นั้นเสร็จแล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งจนถึงขั้น "วงแตก !" แล้ว เทปชุดนี้จะออกมาได้อย่างไร และที่สำคัญมีหลายๆ เพลงคุณภาพ ที่ทั้ง "นายไข่" คฑาวุธ ทองไทย และ "นายธง"ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องคู่กัน" อาทิ เช่น เพลง "ปาร์ตี้มาลีฮวนน่า"
"เทปชุด 6 นี้คงจะเป็นชุดสุดท้ายในนาม "วงมาลีฮวนน่า" และน่าจะเป็นชุดประวัติศาสตร์ เพราะออกมาท่ามกลางความขัดแย้งและความแตกแยกของสมาชิกใน "วงมาลีฮวนน่า" คนใกล้ชิด "มาลีฮวนน่า"กล่าวทิ้งท้าย
"วงมาลีฮวนน่า" เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2534 โดยกลุ่มนักศึกษาศิลปะที่รวมตัวกันโดย คฑาวุธ ทองไทย ซึ่งช่วงนั้นกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร,และ ธงชัย รักษ์รงค์ ซึ่งเล่นดนตรีอยู่ตามผับทางภาคใต้,สมพงษ์ ศิวิโรจน์เรียนอยู่ไทยวิจิตรศิลป
"มาลีฮวนน่า"เป็นคำกลายมาจากภาษาอังกฤษ (Marijuana) แปลว่า กัญชา ชื่อของวงเกิดจากช่วงนั้น "สมพงษ์ ศิวิโรจน์"กำลังคลั่งไคล้เร็กเก้เลยตั้งชื่อวงว่ามาลีฮวนน่า ซึ่งเป็นคำที่บัญญัติขึ้นใหม่จากรากเดิม (ภาษาอังกฤษ ) ซึ่งอาจหมายถึงดอกกัญชา ดอกไม้แห่งดนตรี ไม้แห่งสันติภาพ แล้วแต่ใครจะรู้สึก
ในช่วงปี 2534 ทุกคนตั้งใจจะทำวงขึ้นมาแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะ สมพงษ์ ศิวิโรจน์ เกิดท้อถอยกับปัญหาสังคม ทุกคนจึงจำต้องแยกย้ายกันไประยะหนึ่ง
ในปี 2537 "วงด้ามขวาน" โดยอาจารย์ยงยุทธ คำศรี ได้ออกอัลบั้มเพลงใต้ดินแล้วได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงมากมาย "วงด้ามขวาน" ได้จุดประกายให้กลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มนี้มีกำลังใจที่จะทำวงขึ้นมาอีกครั้ง
และในปี 2537 นี้เอง "วงมาลีฮวนน่า" ได้เกิดขึ้นสมบูรณ์แบบ อัลบั้มแรกของ "มาลีฮวนน่า"ใช้ชื่อว่า บุปผาชน โดย คฑาวุธ ทองไทย รับหน้าที่ร้องนำ, ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องนำ/ กีต้าร์, สมพงศ์ ศิวิโรจน์ รับหน้าที่แต่งเพลงและเชิดชัย ศิริโภคา ได้เข้ามาร่วมอีกหนึ่งคนในการช่วยเหลือเรื่องการเงินสำหรับการทำเทป แนวเพลงชุดแรกของมาลีฮวนน่ากลิ่นออกไปทางโฟล์คซองและอะคูสติค
เนื้อหาของเพลงจะบอกถึงแนวความคิดที่เป็นตัวของตัวเองและสะท้อนสังคมใกล้ตัว ได้อย่างเด่นชัดด้วยเอกลักษณ์ทางดนตรีที่ใช้ภาษาท้องถิ่นภาคใต้ เรื่องราวของความรัก การต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง โดยออกวางขายแบบใต้ดิน ฝากขายตามแผงเทปต่าง ๆ เช่นร้านน้องท่าพระจันทร์ ภายในเวลาไม่นานมาลีฮวนน่าก็สามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทั่ว ประเทศด้วยเพลง หัวใจพรือโฉ้,ลมเพ ลมพัด,เรือรักกระดาษ, ในปี 2537 มาลีฮวนน่าสามารถขายเทปได้ 20,000 ม้วน เป็นประวัติการณ์ของวงแนวอินดี้
ในปี 2538 "มาโนช พุฒตาล เจ้าของค่ายไมล์สโตน" เกิดความสนใจจึงชักชวนให้ "มาลีฮวนน่า"เข้ามาร่วมงานกับค่ายไมล์สโตน มาลีฮวนน่าเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศในปี 2539 ชื่อของมาลีฮวนน่าได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงมากมายจนติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของวงการเพลงเพื่อชีวิต
ในปี 2540 มาลีฮวนน่าออกอัลบั้มชุดที่ 2 ชุดคนเช็ดเงา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงด้วยดีจากเพลงโมรา,ชะตากรรม และในปี 2542 ตามมาด้วยอัลบั้มกลับกลาย เป็นอัลบั้มที่แฝงไปด้วยบทกวีมีสาระที่ปลุกปลอบประโลมให้กำลังใจ
ปี 2543 มาลีฮวนน่าได้เริ่มผลิตผลงานในนาม บริษัท ดรีม เรคคอร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของตัวเองโดยมี 2 หัวเรือใหญ่ คฑาวุธ ทองไทย ,ธงชัย รักษ์รงค์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ และอัลบั้มเพื่อนเพก็ได้เกิดขึ้นจากการที่ "มาลีฮวนน่า" ได้เดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศแล้วได้พูดคุยกับเพื่อนพ้องกลุ่ม ศิลปิน นักประพันธ์ต่าง ๆ ที่เขียนงานเพลงขึ้นมาแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้เผยแพร่ต่อที่สาธารณะชน มาลีฮวนน่าในฐานะที่มีโอกาสได้แสดงผลงานจึงมอบโอกาสนี้ให้กับเพื่อน ๆ ด้วยการรวบรวมบทเพลงเหล่านี้มาใส่ใน อัลบั้ม เพื่อนเพ
แต่ใครจะคาดคิดว่า "บริษัท ดรีม เรคคอร์ด" กำลังเป็นเพียงบริษัทเพลงในฝันของ "วงมาลีฮวนน่า"ในปัจจุบัน และผลงานเพลงชุด "เพื่อนเพ" จะเป็นผลงานเพลงชุดสุดท้ายของ "มาลีฮวนน่า" และผลงานเพลงในชุดนี้ก็เป็น 1 ในผลประโยชน์ ที่ทำให้ "เพื่อนพ้อง" ต้องขัดแย้งกันอย่างรุนแรงถึงขั้นเลิกคบกัน และ "มาลีฮวนน่า" ก็พบจุดจบไม่ต่างกับวงดนตรีวงอื่นๆ อีกหลายๆ วง นั่นก็คือ "วงแตก !"
สถานการณ์"วงแตก !" ของ "มาลีฮวนน่า"ในวันนี้ คงจะจบไปพร้อมๆ กับความฝันและความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อสังคม โดยหันไปสนใจให้ความสำคัญกับภาคเกษตรตามแนวพระราชดำริของในหลวง โดยจะพยายามสร้างงานภาคเกษตรของคนไทยให้ไปสู่สากล ผลักดันภาคเกษตรของคนไทยให้ไปให้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เน้นผู้คนให้รักที่มาและ รากเหง้าของตนเอง ขุดลึกไปถึงแก่นแท้ของความเป็นไทย มีความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของคนไทยด้วยกัน ซึ่งทั้งคฑาวุธ ทองไทย และ ธงชัย รักษ์รงค์ พยายามสร้างฝันนี้มาตลอด
นอกจากนั้น สถานการณ์"วงแตก !" ของ "มาลีฮวนน่า"ในวันนี้ คงจะทำให้ความฝันที่ "มาลีฮวนน่า" จะจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน ซึ่งจะใช้ชื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า yan in phangan (ยันต์ อิน พะงัน) จบลงไปด้วย ?
เพราะหนึ่งในเพลงโปรโมท ในคอนเสริต "ปาร์ตี้เกาะพงัน" ก็คือเพลง "ปาร์ตี้มาลีฮวนน่า" ซึ่งเป็นเพลงที่ร้องคู่กันระหว่าง คฑาวุธ ทองไทย และ ธงชัย รักษ์รงค์
เพราะสถานการณ์ในวันนี้ หรืออนาคต ดูท่าทีแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ที่ทั้ง 2 คนนี้ จะขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันได้อีก และเป็นไปไม่ได้เลยที่ "มาลีฮวนน่า"จะหนีจากคำว่า "วงแตก!" ไปได้
วันนี้ชัดเจนแล้วว่า 2 แกนนำหลักคนสำคัญของวงมาลีฮวนน่า คือ "นายไข่" คฑาวุธ ทองไทย นักร้องนำของวงมาลีฮวนน่า ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับ "นายธง"ธงชัย รักษ์รงค์ จนถึงขั้นกล่าวได้ว่า "วงแตก !" และอยากยิ่งนักที่จะรวมตัวหรือขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันได้อีก
"ตอนนี้ต่างคนต่างไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันอย่างรุนแรง ครั้งล่าสุดต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงถึงขั้นกล่าวหากันว่ามีการว่าจ้างมือปืน จากภาคใต้ และจากจังหวัดชลบุรีมายิงกัน" นี่คำบอกเล่าถึงสถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 แกนนำมาลีฮวนน่าในวันนี้จากปากของคนใกล้ชิด "มาลีฮวนน่า" 1 ในสมาชิกบริษัท ดรีม เรกคอร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่แกนนำทั้ง 2 คนของ "มาลีฮวนน่า" ก่อตั้งกันขึ้นมาเมื่อปี 2543
ส่วนสาเหตุสำคัญที่เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกันระหว่าง แกนนำ "วงมาลีฮวนน่า"ทั้ง 2 คน จนถึงขั้น "วงแตก !" ในวันนี้ คนใกล้ชิดวงมาลีฮวนน่าบอกว่า
"ก็คือความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ที่ได้จากการขายผลงานเพลงทั้งเทป วีซีดี.คาราโอเกะ ในชุด "เพื่อนเพ" และการแสดงสดชุด "ระบำสยาม" ซึ่งแสดงที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปลายปี 2544 ที่ผ่านมา เพราะจนถึงขณะนี้ผลงานทั้ง 2 ชิ้นนี้ ยังขายดิบขายดี เชื่อกันว่าทำเงินให้มาลีฮวนน่าในนามบริษัทดรีม เรกคอร์ด ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ล้าน" คนใกล้ชิด "วงมาลีฮวนน่า"
ถึงวันนี้สิ่งหนึ่งที่สังเกตุและบอกได้อย่างชัดว่า "วงมาลีฮวนน่า" แตกแล้ว ! นั่นก็คือการแสดงคอนเสริตทุกครั้งต่อไปนี้ จะไม่ใช้ชื่อในนามวงมาลีฮวนน่าอีกแล้ว แต่จะใช่เพียงในนามของ "ไข่ - มาลีฮวนน่า" หรือ "ธง-มาลีฮวนน่า" เท่านั้นเอง
คนใกล้ชิด "วงมาลีฮวนน่า"กล่าวอย่างเสียดายด้วยว่า "ความจริงแล้ววันนี้เทปชุดใหม่ ซึ่งเป็นชุดที่ 6 ของ "วงมาลีฮวนน่า" นั้นเสร็จแล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งจนถึงขั้น "วงแตก !" แล้ว เทปชุดนี้จะออกมาได้อย่างไร และที่สำคัญมีหลายๆ เพลงคุณภาพ ที่ทั้ง "นายไข่" คฑาวุธ ทองไทย และ "นายธง"ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องคู่กัน" อาทิ เช่น เพลง "ปาร์ตี้มาลีฮวนน่า"
"เทปชุด 6 นี้คงจะเป็นชุดสุดท้ายในนาม "วงมาลีฮวนน่า" และน่าจะเป็นชุดประวัติศาสตร์ เพราะออกมาท่ามกลางความขัดแย้งและความแตกแยกของสมาชิกใน "วงมาลีฮวนน่า" คนใกล้ชิด "มาลีฮวนน่า"กล่าวทิ้งท้าย
"วงมาลีฮวนน่า" เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2534 โดยกลุ่มนักศึกษาศิลปะที่รวมตัวกันโดย คฑาวุธ ทองไทย ซึ่งช่วงนั้นกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร,และ ธงชัย รักษ์รงค์ ซึ่งเล่นดนตรีอยู่ตามผับทางภาคใต้,สมพงษ์ ศิวิโรจน์เรียนอยู่ไทยวิจิตรศิลป
"มาลีฮวนน่า"เป็นคำกลายมาจากภาษาอังกฤษ (Marijuana) แปลว่า กัญชา ชื่อของวงเกิดจากช่วงนั้น "สมพงษ์ ศิวิโรจน์"กำลังคลั่งไคล้เร็กเก้เลยตั้งชื่อวงว่ามาลีฮวนน่า ซึ่งเป็นคำที่บัญญัติขึ้นใหม่จากรากเดิม (ภาษาอังกฤษ ) ซึ่งอาจหมายถึงดอกกัญชา ดอกไม้แห่งดนตรี ไม้แห่งสันติภาพ แล้วแต่ใครจะรู้สึก
ในช่วงปี 2534 ทุกคนตั้งใจจะทำวงขึ้นมาแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะ สมพงษ์ ศิวิโรจน์ เกิดท้อถอยกับปัญหาสังคม ทุกคนจึงจำต้องแยกย้ายกันไประยะหนึ่ง
ในปี 2537 "วงด้ามขวาน" โดยอาจารย์ยงยุทธ คำศรี ได้ออกอัลบั้มเพลงใต้ดินแล้วได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงมากมาย "วงด้ามขวาน" ได้จุดประกายให้กลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มนี้มีกำลังใจที่จะทำวงขึ้นมาอีกครั้ง
และในปี 2537 นี้เอง "วงมาลีฮวนน่า" ได้เกิดขึ้นสมบูรณ์แบบ อัลบั้มแรกของ "มาลีฮวนน่า"ใช้ชื่อว่า บุปผาชน โดย คฑาวุธ ทองไทย รับหน้าที่ร้องนำ, ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องนำ/ กีต้าร์, สมพงศ์ ศิวิโรจน์ รับหน้าที่แต่งเพลงและเชิดชัย ศิริโภคา ได้เข้ามาร่วมอีกหนึ่งคนในการช่วยเหลือเรื่องการเงินสำหรับการทำเทป แนวเพลงชุดแรกของมาลีฮวนน่ากลิ่นออกไปทางโฟล์คซองและอะคูสติค
เนื้อหาของเพลงจะบอกถึงแนวความคิดที่เป็นตัวของตัวเองและสะท้อนสังคมใกล้ตัว ได้อย่างเด่นชัดด้วยเอกลักษณ์ทางดนตรีที่ใช้ภาษาท้องถิ่นภาคใต้ เรื่องราวของความรัก การต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง โดยออกวางขายแบบใต้ดิน ฝากขายตามแผงเทปต่าง ๆ เช่นร้านน้องท่าพระจันทร์ ภายในเวลาไม่นานมาลีฮวนน่าก็สามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทั่ว ประเทศด้วยเพลง หัวใจพรือโฉ้,ลมเพ ลมพัด,เรือรักกระดาษ, ในปี 2537 มาลีฮวนน่าสามารถขายเทปได้ 20,000 ม้วน เป็นประวัติการณ์ของวงแนวอินดี้
ในปี 2538 "มาโนช พุฒตาล เจ้าของค่ายไมล์สโตน" เกิดความสนใจจึงชักชวนให้ "มาลีฮวนน่า"เข้ามาร่วมงานกับค่ายไมล์สโตน มาลีฮวนน่าเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศในปี 2539 ชื่อของมาลีฮวนน่าได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงมากมายจนติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของวงการเพลงเพื่อชีวิต
ในปี 2540 มาลีฮวนน่าออกอัลบั้มชุดที่ 2 ชุดคนเช็ดเงา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงด้วยดีจากเพลงโมรา,ชะตากรรม และในปี 2542 ตามมาด้วยอัลบั้มกลับกลาย เป็นอัลบั้มที่แฝงไปด้วยบทกวีมีสาระที่ปลุกปลอบประโลมให้กำลังใจ
ปี 2543 มาลีฮวนน่าได้เริ่มผลิตผลงานในนาม บริษัท ดรีม เรคคอร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของตัวเองโดยมี 2 หัวเรือใหญ่ คฑาวุธ ทองไทย ,ธงชัย รักษ์รงค์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ และอัลบั้มเพื่อนเพก็ได้เกิดขึ้นจากการที่ "มาลีฮวนน่า" ได้เดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศแล้วได้พูดคุยกับเพื่อนพ้องกลุ่ม ศิลปิน นักประพันธ์ต่าง ๆ ที่เขียนงานเพลงขึ้นมาแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้เผยแพร่ต่อที่สาธารณะชน มาลีฮวนน่าในฐานะที่มีโอกาสได้แสดงผลงานจึงมอบโอกาสนี้ให้กับเพื่อน ๆ ด้วยการรวบรวมบทเพลงเหล่านี้มาใส่ใน อัลบั้ม เพื่อนเพ
แต่ใครจะคาดคิดว่า "บริษัท ดรีม เรคคอร์ด" กำลังเป็นเพียงบริษัทเพลงในฝันของ "วงมาลีฮวนน่า"ในปัจจุบัน และผลงานเพลงชุด "เพื่อนเพ" จะเป็นผลงานเพลงชุดสุดท้ายของ "มาลีฮวนน่า" และผลงานเพลงในชุดนี้ก็เป็น 1 ในผลประโยชน์ ที่ทำให้ "เพื่อนพ้อง" ต้องขัดแย้งกันอย่างรุนแรงถึงขั้นเลิกคบกัน และ "มาลีฮวนน่า" ก็พบจุดจบไม่ต่างกับวงดนตรีวงอื่นๆ อีกหลายๆ วง นั่นก็คือ "วงแตก !"
สถานการณ์"วงแตก !" ของ "มาลีฮวนน่า"ในวันนี้ คงจะจบไปพร้อมๆ กับความฝันและความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อสังคม โดยหันไปสนใจให้ความสำคัญกับภาคเกษตรตามแนวพระราชดำริของในหลวง โดยจะพยายามสร้างงานภาคเกษตรของคนไทยให้ไปสู่สากล ผลักดันภาคเกษตรของคนไทยให้ไปให้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เน้นผู้คนให้รักที่มาและ รากเหง้าของตนเอง ขุดลึกไปถึงแก่นแท้ของความเป็นไทย มีความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของคนไทยด้วยกัน ซึ่งทั้งคฑาวุธ ทองไทย และ ธงชัย รักษ์รงค์ พยายามสร้างฝันนี้มาตลอด
นอกจากนั้น สถานการณ์"วงแตก !" ของ "มาลีฮวนน่า"ในวันนี้ คงจะทำให้ความฝันที่ "มาลีฮวนน่า" จะจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน ซึ่งจะใช้ชื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า yan in phangan (ยันต์ อิน พะงัน) จบลงไปด้วย ?
เพราะหนึ่งในเพลงโปรโมท ในคอนเสริต "ปาร์ตี้เกาะพงัน" ก็คือเพลง "ปาร์ตี้มาลีฮวนน่า" ซึ่งเป็นเพลงที่ร้องคู่กันระหว่าง คฑาวุธ ทองไทย และ ธงชัย รักษ์รงค์
เพราะสถานการณ์ในวันนี้ หรืออนาคต ดูท่าทีแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ที่ทั้ง 2 คนนี้ จะขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันได้อีก และเป็นไปไม่ได้เลยที่ "มาลีฮวนน่า"จะหนีจากคำว่า "วงแตก!" ไปได้
ที่มา - ข่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นภาคใต้ สมิหลาไทมส์
(www.samilatimes.com)
ไม่เคยมีคอเพลงเพื่อชีวิตคนใต้ คนใดคาดคิดว่าจุดแตกหักและความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง โดยมีผลประโยชน์เรื่องเงินๆ ทองๆ เป็นเงื่อนไขสำคัญจะเกิดขึ้นกับวงดนตรีเพื่อชีวิตวงดังที่อยู่ในหัวใจของคน ภาคใต้ หรือคนภาคอื่นๆ ทั้งประเทศ อย่าง "วงมาลีฮวนน่า"
วันนี้ชัดเจนแล้วว่า 2 แกนนำหลักคนสำคัญของวงมาลีฮวนน่า คือ "นายไข่" คฑาวุธ ทองไทย นักร้องนำของวงมาลีฮวนน่า ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับ "นายธง"ธงชัย รักษ์รงค์ จนถึงขั้นกล่าวได้ว่า "วงแตก !" และอยากยิ่งนักที่จะรวมตัวหรือขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันได้อีก
"ตอนนี้ต่างคนต่างไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันอย่างรุนแรง ครั้งล่าสุดต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงถึงขั้นกล่าวหากันว่ามีการว่าจ้างมือปืน จากภาคใต้ และจากจังหวัดชลบุรีมายิงกัน" นี่คำบอกเล่าถึงสถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 แกนนำมาลีฮวนน่าในวันนี้จากปากของคนใกล้ชิด "มาลีฮวนน่า" 1 ในสมาชิกบริษัท ดรีม เรกคอร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่แกนนำทั้ง 2 คนของ "มาลีฮวนน่า" ก่อตั้งกันขึ้นมาเมื่อปี 2543
ส่วนสาเหตุสำคัญที่เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกันระหว่าง แกนนำ "วงมาลีฮวนน่า"ทั้ง 2 คน จนถึงขั้น "วงแตก !" ในวันนี้ คนใกล้ชิดวงมาลีฮวนน่าบอกว่า
"ก็คือความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ที่ได้จากการขายผลงานเพลงทั้งเทป วีซีดี.คาราโอเกะ ในชุด "เพื่อนเพ" และการแสดงสดชุด "ระบำสยาม" ซึ่งแสดงที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปลายปี 2544 ที่ผ่านมา เพราะจนถึงขณะนี้ผลงานทั้ง 2 ชิ้นนี้ ยังขายดิบขายดี เชื่อกันว่าทำเงินให้มาลีฮวนน่าในนามบริษัทดรีม เรกคอร์ด ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ล้าน" คนใกล้ชิด "วงมาลีฮวนน่า"
ถึงวันนี้สิ่งหนึ่งที่สังเกตุและบอกได้อย่างชัดว่า "วงมาลีฮวนน่า" แตกแล้ว ! นั่นก็คือการแสดงคอนเสริตทุกครั้งต่อไปนี้ จะไม่ใช้ชื่อในนามวงมาลีฮวนน่าอีกแล้ว แต่จะใช่เพียงในนามของ "ไข่ - มาลีฮวนน่า" หรือ "ธง-มาลีฮวนน่า" เท่านั้นเอง
คนใกล้ชิด "วงมาลีฮวนน่า"กล่าวอย่างเสียดายด้วยว่า "ความจริงแล้ววันนี้เทปชุดใหม่ ซึ่งเป็นชุดที่ 6 ของ "วงมาลีฮวนน่า" นั้นเสร็จแล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งจนถึงขั้น "วงแตก !" แล้ว เทปชุดนี้จะออกมาได้อย่างไร และที่สำคัญมีหลายๆ เพลงคุณภาพ ที่ทั้ง "นายไข่" คฑาวุธ ทองไทย และ "นายธง"ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องคู่กัน" อาทิ เช่น เพลง "ปาร์ตี้มาลีฮวนน่า"
"เทปชุด 6 นี้คงจะเป็นชุดสุดท้ายในนาม "วงมาลีฮวนน่า" และน่าจะเป็นชุดประวัติศาสตร์ เพราะออกมาท่ามกลางความขัดแย้งและความแตกแยกของสมาชิกใน "วงมาลีฮวนน่า" คนใกล้ชิด "มาลีฮวนน่า"กล่าวทิ้งท้าย
"วงมาลีฮวนน่า" เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2534 โดยกลุ่มนักศึกษาศิลปะที่รวมตัวกันโดย คฑาวุธ ทองไทย ซึ่งช่วงนั้นกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร,และ ธงชัย รักษ์รงค์ ซึ่งเล่นดนตรีอยู่ตามผับทางภาคใต้,สมพงษ์ ศิวิโรจน์เรียนอยู่ไทยวิจิตรศิลป
"มาลีฮวนน่า"เป็นคำกลายมาจากภาษาอังกฤษ (Marijuana) แปลว่า กัญชา ชื่อของวงเกิดจากช่วงนั้น "สมพงษ์ ศิวิโรจน์"กำลังคลั่งไคล้เร็กเก้เลยตั้งชื่อวงว่ามาลีฮวนน่า ซึ่งเป็นคำที่บัญญัติขึ้นใหม่จากรากเดิม (ภาษาอังกฤษ ) ซึ่งอาจหมายถึงดอกกัญชา ดอกไม้แห่งดนตรี ไม้แห่งสันติภาพ แล้วแต่ใครจะรู้สึก
ในช่วงปี 2534 ทุกคนตั้งใจจะทำวงขึ้นมาแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะ สมพงษ์ ศิวิโรจน์ เกิดท้อถอยกับปัญหาสังคม ทุกคนจึงจำต้องแยกย้ายกันไประยะหนึ่ง
ในปี 2537 "วงด้ามขวาน" โดยอาจารย์ยงยุทธ คำศรี ได้ออกอัลบั้มเพลงใต้ดินแล้วได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงมากมาย "วงด้ามขวาน" ได้จุดประกายให้กลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มนี้มีกำลังใจที่จะทำวงขึ้นมาอีกครั้ง
และในปี 2537 นี้เอง "วงมาลีฮวนน่า" ได้เกิดขึ้นสมบูรณ์แบบ อัลบั้มแรกของ "มาลีฮวนน่า"ใช้ชื่อว่า บุปผาชน โดย คฑาวุธ ทองไทย รับหน้าที่ร้องนำ, ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องนำ/ กีต้าร์, สมพงศ์ ศิวิโรจน์ รับหน้าที่แต่งเพลงและเชิดชัย ศิริโภคา ได้เข้ามาร่วมอีกหนึ่งคนในการช่วยเหลือเรื่องการเงินสำหรับการทำเทป แนวเพลงชุดแรกของมาลีฮวนน่ากลิ่นออกไปทางโฟล์คซองและอะคูสติค
เนื้อหาของเพลงจะบอกถึงแนวความคิดที่เป็นตัวของตัวเองและสะท้อนสังคมใกล้ตัว ได้อย่างเด่นชัดด้วยเอกลักษณ์ทางดนตรีที่ใช้ภาษาท้องถิ่นภาคใต้ เรื่องราวของความรัก การต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง โดยออกวางขายแบบใต้ดิน ฝากขายตามแผงเทปต่าง ๆ เช่นร้านน้องท่าพระจันทร์ ภายในเวลาไม่นานมาลีฮวนน่าก็สามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทั่ว ประเทศด้วยเพลง หัวใจพรือโฉ้,ลมเพ ลมพัด,เรือรักกระดาษ, ในปี 2537 มาลีฮวนน่าสามารถขายเทปได้ 20,000 ม้วน เป็นประวัติการณ์ของวงแนวอินดี้
ในปี 2538 "มาโนช พุฒตาล เจ้าของค่ายไมล์สโตน" เกิดความสนใจจึงชักชวนให้ "มาลีฮวนน่า"เข้ามาร่วมงานกับค่ายไมล์สโตน มาลีฮวนน่าเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศในปี 2539 ชื่อของมาลีฮวนน่าได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงมากมายจนติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของวงการเพลงเพื่อชีวิต
ในปี 2540 มาลีฮวนน่าออกอัลบั้มชุดที่ 2 ชุดคนเช็ดเงา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงด้วยดีจากเพลงโมรา,ชะตากรรม และในปี 2542 ตามมาด้วยอัลบั้มกลับกลาย เป็นอัลบั้มที่แฝงไปด้วยบทกวีมีสาระที่ปลุกปลอบประโลมให้กำลังใจ
ปี 2543 มาลีฮวนน่าได้เริ่มผลิตผลงานในนาม บริษัท ดรีม เรคคอร์ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของตัวเองโดยมี 2 หัวเรือใหญ่ คฑาวุธ ทองไทย ,ธงชัย รักษ์รงค์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ และอัลบั้มเพื่อนเพก็ได้เกิดขึ้นจากการที่ "มาลีฮวนน่า" ได้เดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศแล้วได้พูดคุยกับเพื่อนพ้องกลุ่ม ศิลปิน นักประพันธ์ต่าง ๆ ที่เขียนงานเพลงขึ้นมาแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้เผยแพร่ต่อที่สาธารณะชน มาลีฮวนน่าในฐานะที่มีโอกาสได้แสดงผลงานจึงมอบโอกาสนี้ให้กับเพื่อน ๆ ด้วยการรวบรวมบทเพลงเหล่านี้มาใส่ใน อัลบั้ม เพื่อนเพ
แต่ใครจะคาดคิดว่า "บริษัท ดรีม เรคคอร์ด" กำลังเป็นเพียงบริษัทเพลงในฝันของ "วงมาลีฮวนน่า"ในปัจจุบัน และผลงานเพลงชุด "เพื่อนเพ" จะเป็นผลงานเพลงชุดสุดท้ายของ "มาลีฮวนน่า" และผลงานเพลงในชุดนี้ก็เป็น 1 ในผลประโยชน์ ที่ทำให้ "เพื่อนพ้อง" ต้องขัดแย้งกันอย่างรุนแรงถึงขั้นเลิกคบกัน และ "มาลีฮวนน่า" ก็พบจุดจบไม่ต่างกับวงดนตรีวงอื่นๆ อีกหลายๆ วง นั่นก็คือ "วงแตก !"
สถานการณ์"วงแตก !" ของ "มาลีฮวนน่า"ในวันนี้ คงจะจบไปพร้อมๆ กับความฝันและความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อสังคม โดยหันไปสนใจให้ความสำคัญกับภาคเกษตรตามแนวพระราชดำริของในหลวง โดยจะพยายามสร้างงานภาคเกษตรของคนไทยให้ไปสู่สากล ผลักดันภาคเกษตรของคนไทยให้ไปให้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เน้นผู้คนให้รักที่มาและ รากเหง้าของตนเอง ขุดลึกไปถึงแก่นแท้ของความเป็นไทย มีความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของคนไทยด้วยกัน ซึ่งทั้งคฑาวุธ ทองไทย และ ธงชัย รักษ์รงค์ พยายามสร้างฝันนี้มาตลอด
นอกจากนั้น สถานการณ์"วงแตก !" ของ "มาลีฮวนน่า"ในวันนี้ คงจะทำให้ความฝันที่ "มาลีฮวนน่า" จะจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน ซึ่งจะใช้ชื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า yan in phangan (ยันต์ อิน พะงัน) จบลงไปด้วย ?
เพราะหนึ่งในเพลงโปรโมท ในคอนเสริต "ปาร์ตี้เกาะพงัน" ก็คือเพลง "ปาร์ตี้มาลีฮวนน่า" ซึ่งเป็นเพลงที่ร้องคู่กันระหว่าง คฑาวุธ ทองไทย และ ธงชัย รักษ์รงค์
เพราะสถานการณ์ในวันนี้ หรืออนาคต ดูท่าทีแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ที่ทั้ง 2 คนนี้ จะขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกันได้อีก และเป็นไปไม่ได้เลยที่ "มาลีฮวนน่า"จะหนีจากคำว่า "วงแตก!" ไปได้
ผลงานเพลง
- บุปผาชน (พ.ศ. 2537)
- ลมเพ-ลมพัด
- หัวใจละเหี่ย
- วิถีคนจร
- นิรันดร์
- ไปไกล
- เรือรักกระดาษ
- หัวใจพรือโฉ้
- ลานนม-ลมเน
- รักสาวพรานนก
- ชุ่มฉ่ำในดวงใจ
- คนเช็ดเงา (พ.ศ. 2539)
- เขเรือ
- หมาหยอกไก่
- ร้องไห้กับเดือน
- เด็กน้อย
- คนเช็ดเงา
- ชะตากรรม
- โมรา
- ฝุ่น (CHIRI CHIRI)
- คนเลว
- คืนใจ
- ชุ่มฉ่ำในดวงใจ
- กลับกลาย (พ.ศ. 2542)
- ลืม
- ถนนแปลกแยก
- ตุ้งแกวด
- ก้าวย่าง-ทางเดิน
- หมาล่าเนื้อ
- กลับกลาย
- อาวรณ์
- แปรเปลี่ยน
- สำนึก
- ยุควิบัติ
- เทียมฟ้า
- เพื่อนเพ (พ.ศ. 2543)
- แสงจันทร์
- สมิหลา-รูสมิแล
- พร้าวใส่สูท
- คืนมา (SEASON IN LOVE)
- เรือน้อย
- น้ำตา
- พี่ชาย(ที่แสนดี+แห้ว)
- นักดนตรี
- นกกรงหัวจุก
- ขอทาทน้อย
- MUK
- ชบา
- ระบำชีวิต
- เรียนรู้
- มาลีฮวนน่าปาตี้
- สายน้ำ..สายเลือด
- ลัง
- ไกลบ้าน
- ละหมาดอารมณ์
- ธารหัวใจ
- ระยำชีวิต
- ลมใต้ปีก (พ.ศ. 2546)
- ลัง
- จันทร์ฉาย
- ว่าวจุฬา
- วัยรุ่น
- สายน้ำ (KILLING FIELD)
- มุดก้อนเมฆ
- มายา
- กลัว
- สหายสุรา
- รอยทาง
- บังใบ้ (พ.ศ. 2549)
- ไอ้ใบ้
- อีสาระภา
- โจใจ
- แผลเมือง
- พี พี มายเดียร์
- บางเงา
- หนาวเล
- เสียสาว
- โปรดทิ้งฉันไว้ที่ปลายขอบฟ้า
- มองอย่างนก
- คนโซ
- ออกเล
- ปลายแสด (พ.ศ. 2549)
- กระท่อมกัญชา
- บัวทอง
- เพียงลมพัดผ่าน
- ยิ้มให้กับฝัน
- ช่วยจันทร์(ราหูอมจันทร์)
- ถนนชีวิต
- เพ้อรัก
- แดดสุดท้าย
- นกบินลัดฟ้า
- ในฝัน
- ลัง
- จันทร์ฉาย
- ว่าวจุฬา
- วัยรุ่น
- สายน้ำ (KILLING FIELD)
- มุด ก้อนเมฆ
- มายา
- กลัว
- สหายสุรา
- ร้อยทาง
สมาชิก วงมาลีฮวนน่า(ผู้ก่อตั้งวง เริ่มแรก)
1.คฑาวุธ ทองไทย (ไข่) - ร้องนำ/แต่งเพลง
ธงชัย รักษ์รงค์ (ธง) - ร้องนำ/กีต้าร์/แต่งเพลง
สมพงษ์ ศิวิโรจน์ (พงษ์) - แต่งเพลงส่วนใหญ่/ร้องเพลงเทียมฟ้าชุดกลับกลาย
เชิดชัย ศิริโภคา (โก๊ย) - แต่งเพลง/กีต้าร์
ประวัติมาลีฮวนน่า
มาลีฮวนน่า ดอกไม้ดนตรีจากดินแดนด้ามขวาน
“ไม่บอก เธอไม่ รู้แน่ อยากเข้าไปแค่ หัวใจ ที่ยังพรือโฉ้ ก็แค่ผู้ชาย
อยู่โบร๊กะแถมยังอดโซ รักของพี่ รักนี้ แค่รักหย่อม ๆ อยาก มีใคร สักคน
ช่วยผ่อนคลาย ความเหงา ความเศร้าที่ใจ บน ทางเดิน กว้าง ไกล ยังไม่มีใคร หัวใจ
พี่ยังพรือโฉ้...”
ย้อนหลังไปราวๆ 15 ปี ในช่วงที่วงการเพลงไทย อวลไปด้วยเสียงของดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ดูเหมือนไม่มีที่ว่างให้กับงานเพลงในแนวทางอื่น
แต่มีบทเพลงหนึ่ง ที่เล่น บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่เรียบง่าย เสียงร้องสำเนียงใต้ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และท่วงทำนองที่ลื่นไหล ก็สอดแทรกเสียงกีตาร์ที่แตกพร่า ขึ้นมาเป็นเพลงฮิตได้ในยุคนั้น
ยุคที่แวดวงดนตรีอินดี้เบ่งบาน ยุคที่วงดนตรีจากแดนใต้ที่ชื่อว่า “มาลีฮวนน่า” เริ่มต้นเดินบนถนนดนตรีของเมืองไทย
***************************
มาลีฮวนน่าเริ่มต้นตั้งวงกันในปี 2534 จากความเป็นเพื่อนของกลุ่มนักเรียนศิลปะ และผองเพื่อนอีกหลายหลากสาขาอาชีพ ที่มาใช้ชีวิตกันในกรุงเทพฯ ในช่วงวัยที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ในตัว
มาลีฮวนน่า มีแกนนำคือ คฑาวุธ ทองไทย นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร ธงชัย รักษ์รงค์ นักดนตรีที่เล่นตามร้านต่างๆ ทางภาคใต้ และสมพงศ์ ศิวิโรจน์ ที่กำลังศึกษาที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป โดยที่มาของชื่อวงนั้น ผันมาจากคำว่า มารีจัวน่า ที่แปลว่ากัญชา
พวกเขาร่วมกันทำงานเพลงที่มีแรงขับมาจากความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อสภาพสังคม สภาพแวดล้อม เพื่อระบายความอัดอั้นอันเกิดจากความแตกต่างของวัย และปมด้อยทางสถานภาพสังคม หากก็ไม่ได้มีผลงานเป็นรูปเป็นร่างออกมา
จนปี 2537 มาลีฮวนน่าก็ออกเดินทางบนถนนสายดนตรีเต็มตัว ด้วยผลงานชุดแรก “บุปผาชน” ที่ได้รับการช่วยเหลือจากอาจารย์ยงยุทธ คำศรี แกนนำของวงด้ามขวาน วงดนตรีเพื่อชีวิต ที่ทำงานในแบบใต้ดินออกมา และประสบความสำเร็จมีแฟนเพลงติดตามเหนียวแน่น จนทำให้ทางวงมาลีฮวนน่ามองเห็นช่องทาง ที่จะส่งต่อความคิด ทัศนคติต่างๆ ที่พวกเขามีในบทเพลงออกไป โดยที่ไม่ต้องอาศัยบริษัทเพลงใหญ่ๆ มาสนับสนุน
อัลบั้ม “บุปผาชน” บันทึกเสียงกันที่ห้องอัดของฮิเดกิ มอริ ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นในย่านบางบัวทอง ภาพปกก็เป็นฝีมือของสมพงศ์เอง ส่วนคฑาวุธได้วาดภาพลายเส้นที่ปกใน ปกอัลบั้มพิมพ์กันที่โรงพิมพ์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร ส่วนเทปคาสเส็ทท์ ก็ให้บริษัทออนป้าช่วยก็อปปี้ ให้ทางวงกับเพื่อนๆ ช่วยกันนำไปวางขายตามแผงเทปต่างๆ
สำหรับสมาชิกที่ร่วมกันทำงานในตอนนั้นประกอบด้วย คฑาวุธ ทองไทย-ร้องนำ, ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องนำ/ กีตาร์, สมพงศ์ ศิวิโรจน์ แต่งเพลง และเชิดชัย ศิริโภคา เข้ามาดุแลในเรื่องธุรกิจ เพียงเวลาไม่นานนัก บทเพลงในแนทางโฟล์ค ที่เรื่องราวบ่งบอกถึงชีวิตของผู้คน และสังคมรายรอบ โดดเด่นด้วยดนตรีสำเนียงใต้ กับเนื้อร้องที่เป็นภาษาถิ่น ของมาลีฮวนน่าก็เริ่มได้รับความนิยม โดยมีเพลง หัวใจพรือโฉ้ ลมเพลมพัด เรือรักกระดาษ เป็นแรงส่งสำคัญ และทำให้อัลบั้ม บุปผาชน ของมาลีฮวนน่าเป็นอัลบั้มเพลงใต้ดิน ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดชุดหนึ่งในบ้านเรา และนับจากนี้ พวกเขาก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ในแวดวงคนฟังเพลงเพื่อชีวิต แฟนเพลงที่เป็นนักคิดนักเขียนอีกต่อไปแล้ว
ยิ่งในปี 2538 บริษัทไมล์สโตน ของมาโนช พุฒตาล ได้ชักชวนวงมาลีฮวนน่าเข้าไปร่วมงาน ยิ่งทำให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น จนสามารถออกทัวร์ทั่วประเทศได้ในปีต่อมา ซึ่งถือว่ามีวงใต้ดินเพียงไม่กี่วงที่ทำได้แบบนี้ และได้รับความนิยมในลำดับต้นๆ ของวงการเพลงเพื่อชีวิต
มาลีฮวนน่า ยังออกอัลบั้มมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2540 พวกเขามีอัลบั้มชุดที่ 2 “คนเช็ดเงา” ออกมา ก็ได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงอย่างอบอุ่น โดยมีเพลง โมรา และชะตากรรม เป็นเพลงดังประจำอัลบั้ม
ปี 2542 มาลีฮวนน่า ออกอัลบั้มชุดที่ 3 “กลับกลาย” ที่โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยบทกวี ขณะที่เรื่องราวก็เน้นการปุกปลอบให้กำลังใจ
ในปีถัดมา มาลีฮวนน่าก็เปิดบริษัทของตัวเองในชื่อ ดรีม เรคอร์ดส์ ที่สองแกนนำของวง คฑาวุธ ทองไทย กับธงชัย รักษ์รงค์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ โดยมีอัลบั้มชุดที่ 4 “เพื่อนเพ” ออกมาเป็นอัลบั้มแรก อัลบั้มชุดนี้มีที่มาจากการที่ทางวงได้เดินางไปเปิดการแสดงในที่ต่างๆ แล้วได้พูดคุยกับเพื่อนพ้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มศิลปิน นักประพันธ์ ที่หลายๆ คนเขียนงานเพลงขึ้นมาแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้เผยแพร่ มาลีฮวนน่าจึงนำบทเพลงของพวกเขามาใส่ในอัลบั้ม เพื่อนเพ เพื่อที่จะได้เผยแพร่ไปในที่ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
มาลีฮวนน่ายังสานต่อผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2545 พวกเขาออกอัลบั้มบันทึกการแสดงสด “ระบำสยามทาส” และตามด้วย “ลมใต้ปีก” ในปี 2546 ก่อนที่สมาชิกของวงจะพักการทำงานดนตรีในนามมาลีฮวนน่าลงชั่วคราว โดยต่างคนต่างก็หันไปทำงานประจำ หรืองานที่ตัวเองสนใจ คฑาวุธ ทองไทย เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ทับแก้ว, ธงชัย รักษ์รงค์ ทำธุรกิจห้องอัดเสียง, สมพงษ์ ศิวิโรจน์ ใช้เวลากับการเขียนเพลง
“ไม่บอก เธอไม่ รู้แน่ อยากเข้าไปแค่ หัวใจ ที่ยังพรือโฉ้ ก็แค่ผู้ชาย
อยู่โบร๊กะแถมยังอดโซ รักของพี่ รักนี้ แค่รักหย่อม ๆ อยาก มีใคร สักคน
ช่วยผ่อนคลาย ความเหงา ความเศร้าที่ใจ บน ทางเดิน กว้าง ไกล ยังไม่มีใคร หัวใจ
พี่ยังพรือโฉ้...”
ย้อนหลังไปราวๆ 15 ปี ในช่วงที่วงการเพลงไทย อวลไปด้วยเสียงของดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ดูเหมือนไม่มีที่ว่างให้กับงานเพลงในแนวทางอื่น
แต่มีบทเพลงหนึ่ง ที่เล่น บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่เรียบง่าย เสียงร้องสำเนียงใต้ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และท่วงทำนองที่ลื่นไหล ก็สอดแทรกเสียงกีตาร์ที่แตกพร่า ขึ้นมาเป็นเพลงฮิตได้ในยุคนั้น
ยุคที่แวดวงดนตรีอินดี้เบ่งบาน ยุคที่วงดนตรีจากแดนใต้ที่ชื่อว่า “มาลีฮวนน่า” เริ่มต้นเดินบนถนนดนตรีของเมืองไทย
***************************
มาลีฮวนน่าเริ่มต้นตั้งวงกันในปี 2534 จากความเป็นเพื่อนของกลุ่มนักเรียนศิลปะ และผองเพื่อนอีกหลายหลากสาขาอาชีพ ที่มาใช้ชีวิตกันในกรุงเทพฯ ในช่วงวัยที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ในตัว
มาลีฮวนน่า มีแกนนำคือ คฑาวุธ ทองไทย นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร ธงชัย รักษ์รงค์ นักดนตรีที่เล่นตามร้านต่างๆ ทางภาคใต้ และสมพงศ์ ศิวิโรจน์ ที่กำลังศึกษาที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป โดยที่มาของชื่อวงนั้น ผันมาจากคำว่า มารีจัวน่า ที่แปลว่ากัญชา
พวกเขาร่วมกันทำงานเพลงที่มีแรงขับมาจากความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อสภาพสังคม สภาพแวดล้อม เพื่อระบายความอัดอั้นอันเกิดจากความแตกต่างของวัย และปมด้อยทางสถานภาพสังคม หากก็ไม่ได้มีผลงานเป็นรูปเป็นร่างออกมา
จนปี 2537 มาลีฮวนน่าก็ออกเดินทางบนถนนสายดนตรีเต็มตัว ด้วยผลงานชุดแรก “บุปผาชน” ที่ได้รับการช่วยเหลือจากอาจารย์ยงยุทธ คำศรี แกนนำของวงด้ามขวาน วงดนตรีเพื่อชีวิต ที่ทำงานในแบบใต้ดินออกมา และประสบความสำเร็จมีแฟนเพลงติดตามเหนียวแน่น จนทำให้ทางวงมาลีฮวนน่ามองเห็นช่องทาง ที่จะส่งต่อความคิด ทัศนคติต่างๆ ที่พวกเขามีในบทเพลงออกไป โดยที่ไม่ต้องอาศัยบริษัทเพลงใหญ่ๆ มาสนับสนุน
อัลบั้ม “บุปผาชน” บันทึกเสียงกันที่ห้องอัดของฮิเดกิ มอริ ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นในย่านบางบัวทอง ภาพปกก็เป็นฝีมือของสมพงศ์เอง ส่วนคฑาวุธได้วาดภาพลายเส้นที่ปกใน ปกอัลบั้มพิมพ์กันที่โรงพิมพ์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร ส่วนเทปคาสเส็ทท์ ก็ให้บริษัทออนป้าช่วยก็อปปี้ ให้ทางวงกับเพื่อนๆ ช่วยกันนำไปวางขายตามแผงเทปต่างๆ
สำหรับสมาชิกที่ร่วมกันทำงานในตอนนั้นประกอบด้วย คฑาวุธ ทองไทย-ร้องนำ, ธงชัย รักษ์รงค์ ร้องนำ/ กีตาร์, สมพงศ์ ศิวิโรจน์ แต่งเพลง และเชิดชัย ศิริโภคา เข้ามาดุแลในเรื่องธุรกิจ เพียงเวลาไม่นานนัก บทเพลงในแนทางโฟล์ค ที่เรื่องราวบ่งบอกถึงชีวิตของผู้คน และสังคมรายรอบ โดดเด่นด้วยดนตรีสำเนียงใต้ กับเนื้อร้องที่เป็นภาษาถิ่น ของมาลีฮวนน่าก็เริ่มได้รับความนิยม โดยมีเพลง หัวใจพรือโฉ้ ลมเพลมพัด เรือรักกระดาษ เป็นแรงส่งสำคัญ และทำให้อัลบั้ม บุปผาชน ของมาลีฮวนน่าเป็นอัลบั้มเพลงใต้ดิน ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดชุดหนึ่งในบ้านเรา และนับจากนี้ พวกเขาก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ในแวดวงคนฟังเพลงเพื่อชีวิต แฟนเพลงที่เป็นนักคิดนักเขียนอีกต่อไปแล้ว
ยิ่งในปี 2538 บริษัทไมล์สโตน ของมาโนช พุฒตาล ได้ชักชวนวงมาลีฮวนน่าเข้าไปร่วมงาน ยิ่งทำให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น จนสามารถออกทัวร์ทั่วประเทศได้ในปีต่อมา ซึ่งถือว่ามีวงใต้ดินเพียงไม่กี่วงที่ทำได้แบบนี้ และได้รับความนิยมในลำดับต้นๆ ของวงการเพลงเพื่อชีวิต
มาลีฮวนน่า ยังออกอัลบั้มมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2540 พวกเขามีอัลบั้มชุดที่ 2 “คนเช็ดเงา” ออกมา ก็ได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงอย่างอบอุ่น โดยมีเพลง โมรา และชะตากรรม เป็นเพลงดังประจำอัลบั้ม
ปี 2542 มาลีฮวนน่า ออกอัลบั้มชุดที่ 3 “กลับกลาย” ที่โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยบทกวี ขณะที่เรื่องราวก็เน้นการปุกปลอบให้กำลังใจ
ในปีถัดมา มาลีฮวนน่าก็เปิดบริษัทของตัวเองในชื่อ ดรีม เรคอร์ดส์ ที่สองแกนนำของวง คฑาวุธ ทองไทย กับธงชัย รักษ์รงค์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ โดยมีอัลบั้มชุดที่ 4 “เพื่อนเพ” ออกมาเป็นอัลบั้มแรก อัลบั้มชุดนี้มีที่มาจากการที่ทางวงได้เดินางไปเปิดการแสดงในที่ต่างๆ แล้วได้พูดคุยกับเพื่อนพ้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มศิลปิน นักประพันธ์ ที่หลายๆ คนเขียนงานเพลงขึ้นมาแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้เผยแพร่ มาลีฮวนน่าจึงนำบทเพลงของพวกเขามาใส่ในอัลบั้ม เพื่อนเพ เพื่อที่จะได้เผยแพร่ไปในที่ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
มาลีฮวนน่ายังสานต่อผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2545 พวกเขาออกอัลบั้มบันทึกการแสดงสด “ระบำสยามทาส” และตามด้วย “ลมใต้ปีก” ในปี 2546 ก่อนที่สมาชิกของวงจะพักการทำงานดนตรีในนามมาลีฮวนน่าลงชั่วคราว โดยต่างคนต่างก็หันไปทำงานประจำ หรืองานที่ตัวเองสนใจ คฑาวุธ ทองไทย เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ทับแก้ว, ธงชัย รักษ์รงค์ ทำธุรกิจห้องอัดเสียง, สมพงษ์ ศิวิโรจน์ ใช้เวลากับการเขียนเพลง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)